9 กุมภาพันธ์ 2561
0
"ประยุทธ์" คิกออฟไทยนิยม ระดมผวจ.-นอภ.ท้องถิ่นทั่วประเทศ รับนโยบายบนความเท่าเทียม ลั่นไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาล-คสช. มุ่งหวังปชช.ลืมตาอ้าปากได้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ก.พ. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งเป็นการมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนให้แก่คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอทุกอำเภอ และบุคลากรที่เป็นวิทยากรระดับจังหวัด เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจ ปรับกระบวนการทางความคิดให้กับประชาชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมากขึ้น ตลอดจนบูรณาการการทำงานของทุกส่วนราชการที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการงานของรัฐบาลและกระทรวงเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวผ่านทีมขับเคลื่อนระดับตำบล ลงไปในพื้นที่ 878 อำเภอ 83,151 หมู่บ้านและชุมชนเพื่อขับเคลื่อนงานและโครงการของหน่วยงานต่างๆที่มีเป้าหมายลงในพื้นที่ระดับหมู่บ้านภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และแผนการปฏิรูปและสร้างการรับรู้ความและการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนถึงการทำงานของรัฐบาล รวมถึงโครงการและงบประมาณที่หน่วยงานต่างๆลงไปดำเนินการในพื้นที่ให้เกิดการพัฒนาแก้ไขปัญหาในมิติด้านเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคงรวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของประชาชนในการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบไทยนิยม ยั่งยืน ที่ต่อยอดจากแนวคิดประชารัฐจึงถือว่าเป็นงานของรัฐบาลและของทุกกระทรวงทั้งนี้รัฐบาลจะเริ่มดำเนินงานในโครงการไทยนิยมยังยืน ตั้งแต่เดือนก.พ.61 เป็นต้นไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เช้าวันนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนประเทศของเรา ให้เป็นไปทางวิสัยทัศน์ที่วางไว้คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เหมือนกับการสร้างความฝัน ซึ่งอาจจะดูยิ่งใหญ่ แต่ความฝันจะใหญ่หรือเล็ก อยู่ที่การกระทำ เพื่อทำให้ความฝันให้เป็นจริง เป็นรูปธรรมให้ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราทุกคน วันนี้รองนายกฯมาอยู่รวมกัน รวมทั้งรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกระทรวง อธิบดี และลงไปถึงข้างล่าง ถือป็นการรวมกันในการขับเคลื่อนนโยบายไทยนิยม ลงไปให้ถึงพื้นที่ ระดับนโยบาย ระดับขับเคลื่อน ไปสู่ระดับปฏิบัติในพื้นที่ ซึ่งจะมีกลไกหลายๆส่วน ซึ่งเราต้องทำให้ครบ แม้เดิมเราจะมีการทำกันแล้วแต่ก็ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ จึงต้องมาพูดคุยกันใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน เพราะอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด แม้ทุกคนจะเข้าใจ แต่ตนก็อยากย้ำอีกครั้งและมอบหมายนโยบายและสิ่งสำคัญที่เราควรจะทำมีเรื่องอะไรบ้าง
นายกฯกล่าวว่า เราต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระทุกระดับให้ได้ วันนี้ถ้าเราช่วยกัน เข้าใจ และสร้างความเข้าใจ โดยไม่ตั้งแง่ของตัวเองไว้ก่อน เพราะถ้าเรามีความรู้สึกที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกก็ทำอะไรไม่ได้ ตนบอกมาตลอดว่าเราไปบังคับให้เห็นด้วยเหมือนกันไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่เห็นด้วยเราต้องมาดูว่าผลประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน อะไรที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต และไม่ใช่ปัญหาก็ไม่ต้องนำมาทะเลาะขัดแย้งกันวันนี้ เอาสิ่งที่ทำได้ทำไปก่อน และทำให้ได้ แล้วค่อยมาแก้ปัญหาสิ่งที่ยังไม่เข้าใจกันคู่ขนานกันไป ถือเป็นการทำงานที่มุ่งสู่สัมฤทธิ์ ที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งผู้ได้รับประโยชน์ไม่ใช่รัฐบาล คสช. หรือพวกเรา แต่ประชาชนจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ ข้าราชการเองก็ได้รับความภาคภูมิใจ ประชาชนยอมรับนับถือ ไม่ใช่ไปไหนข้าราชการก็ลงพื้นที่ไม่ได้ เพราะประชาชนไม่ชอบ
"สิ่งที่เราทำวันนี้ เราทำเพื่อตอบสนอง 2 คำ คือความเท่าเทียมและเป็นธรรม ทุกระดับอาชีพและรายได้ แสวงหาในสิ่งที่ถูกต้องอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นใคร จะต้องมีโอกาสเท่าเทียมกันทั้งหมด รัฐบาลมีหน้าที่อำนวยการ อำนวยความสะดวกในเรื่องของกฎหมาย สิ่งสำคัญทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง และทำเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ วันนี้ต้องขับเคลื่อนไทยนิยมให้ได้ อย่าไปตีความหมายเป็นอย่างอื่น โครงการไทยนิยมไม่ได้ทำเพื่อรัฐบาลนี้ หรือคสช.อยู่ได้ ผมไม่ต้องการเช่นนั้น ผมต้องการมุ่งหวังให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้สักที ทำกันมาหลายปีหลายรัฐบาลแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกคนทราบดีว่าอยู่ที่ความไม่ทั่วถึงลงเฉพาะบางพื้นที่ โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เราจึงต้องมาถอดแบบทุกตารางนิ้วในประเทศไทย มีความเท่าเทียมถือเป็นหน้าที่ของทุกคน นี้คือกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
แหล่งข่าว กรุงเทพธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น